บริการติดตั้งระบบบำบัดอากาศอัด ยกระดับมาตรฐานการผลิต
ระบบบำบัดอากาศอัด เพื่อเครื่องจักรอุตสาหกรรมที่สะอาด
อุปกรณ์ปรับปรุงคุณภาพลมอัด เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการปกป้องเครื่องจักรสายการผลิตในอุตสาหกรรม ไม่ให้เกิดความเสียหายจากน้ำมัน น้ำ และสิ่งสกปรก ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเป็นจำนวนมาก พร้อมยกระดับสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ประกอบด้วยอุปกรณ์และคุณสมบัติสำคัญเหล่านี้
- ไส้กรอง ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถตอบสนองทุกความต้องการในการกรองสิ่งเจือปนต่าง ๆ ทั้งยังมีความคุ้มค่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งในกระบวนการผลิตและกำจัด
- ตัวกรอง มีขนาดตั้งแต่ ¼ นิ้ว ไปจนถึง DN200 มาพร้อมความแข็งแรง ทนทาน รวมถึงอุปกรณ์เสริมครบครัน ทั้ง ท่อระบายน้ำ และเกจ์วัดความต่างของแรงดัน
- ประสิทธิภาพการกรองที่หลากหลาย ตั้งแต่การแยกน้ำจำนวนมาก ไปจนถึงการกำจัดแบคทีเรียสำหรับ ระบบบำบัดอากาศอัดที่ปราศจากเชื้อโรค
- เครื่องเป่าลมแบบเมมเบรน เทคโนโลยีล่าสุดที่ให้ลมแห้งสะอาด จุดน้ำค้างต่ำ ถึง -40 องศาเซลเซียส และมาพร้อมกับความประหยัดพลังงาน
- อัปเกรดระบบได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากไส้กรอง Parker ที่มีขนาดรองรับการใช้งานกับตัวกรองของผู้ผลิตยี่ห้ออื่น ๆ
ระบบบำบัดอากาศอัด เป็นกระบวนการที่จำเป็นสำหรับเครื่องอัดอากาศ เนื่องจากเครื่องอัดอากาศจำเป็นต้องมีการปรับปรุงคุณภาพลมอัดให้มีปริมาณความชื้นอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยอากาศจากภายนอกที่เครื่องอัดอากาศดูดเข้าไปจะต้องผ่านการกรอง เพื่อกำจัดสิ่งเจือปนต่าง ๆ ออก และให้ได้คุณภาพของอากาศที่ตรงตามความต้องการใช้งานของทั้งเครื่องจักรและกระบวนการผลิต อย่างไรก็ตามไส้กรองที่ติดตั้งมาภายในเครื่องอัดอากาศนั้น ไม่สามารถลดความชื้น หรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ รวมถึงสิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ ได้ ส่งผลให้อายุการใช้งานของเครื่องจักรสั้นลง
การติดตั้งระบบบำบัดอากาศอัด จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยการปกป้องเครื่องอัดอากาศจากสิ่งเจือปนต่าง ๆ ทั้งยังยืดอายุการใช้งาน และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตได้ โดยจะให้อากาศอัดที่แห้งและสะอาด ลดการเกิดสนิม และการสึกหรอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ระบบบำบัดอากาศอัดยังเป็นระบบที่ทำให้ลมสะอาด ไหลเวียนได้สะดวก ไม่ติดขัด ส่งผลให้เครื่องทำงานได้นาน ช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุนค่าบำรุงรักษาได้เป็นอย่างดี
การปรับปรุงคุณภาพอากาศอัดจะช่วยลดปัญหาสนิมที่เกิดจากการสัมผัสกับอากาศชื้น ซึ่งสนิมเป็นสิ่งเจือปนที่จะทำให้เนื้อโลหะของเครื่องจักรสึกหรอ ทั้งยังส่งผลต่อคุณภาพในการผลิต และทำให้เครื่องจักรส่งเสียงดังขณะทำงานอีกด้วย ดังนั้น การปรับปรุงคุณภาพอากาศอัดก่อนเข้าสู่เครื่องอัดอากาศ จึงช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเงียบยิ่งขึ้น
การดูแลรักษาระบบบำบัดอากาศอัด
อากาศจากภายนอกที่เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมดูดเข้าไปใช้งาน มักจะมีความชื้นเจือปนอยู่ในปริมาณมาก รวมถึงมีฝุ่น และสิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อเครื่องอัดอากาศ ดังนั้น ระบบบำบัดอากาศอัดจึงมีความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นระบบที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพลมอัดด้วยการกรองและกำจัดสิ่งปนเปื้อนออกไป ก่อนที่เครื่องอัดอากาศจะนำลมไปใช้งานภายในเครื่องจักร
ดังนั้น ไส้กรองอากาศ จึงมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากไส้กรอกที่มีประสิทธิภาพจะช่วยกรองอากาศ และดักจับความชื้น รวมถึงกำจัดสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในกรณีที่มีฝนตก ซึ่งอากาศมีความชื้นสูง หรือภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการลมแห้งมากเป็นพิเศษ โรงงานสามารถใช้เครื่องเป่าลมร่วมกับเครื่องอัดอากาศได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ความชื้นในอากาศสามารถลดอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของเครื่องจักรได้ ดังนั้น คุณภาพและความบริสุทธิ์ของอากาศอัดจึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลอย่างมากต่ออายุการใช้งานของเครื่องอัดอากาศ นอกจากนี้ สิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ ก็ส่งผลเสียต่อเครื่องจักรเช่นเดียวกัน ดังรายการต่อไปนี้คือตัวอย่างของสิ่งปนเปื้อน :
มาตรฐานคุณภาพลมอัด ISO
สำหรับมาตรฐานของคุณภาพลมอัด มีการระบุคุณภาพหรือค่าความบริสุทธิ์ของลมอัดไว้ตามมาตรฐาน ISO8573-1:2010 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลสำหรับคุณภาพลมอัด ดังเอกสารต่อไปนี้
ISO8573-1 เป็นเอกสารหลักที่ได้จากมาตรฐาน ISO8573 เอกสารนี้ระบุปริมาณของสิ่งปนเปื้อน ที่อนุญาตในลมอัดหนึ่งลูกบาศก์เมตร โดยกำหนดให้มีสิ่งปนเปื้อนหลักไว้ 3 ชนิด ได้แก่ อนุภาคแข็ง น้ำ และน้ำมัน ซึ่งปกติแล้วจะมีการแสดงระดับความบริสุทธิ์สำหรับแต่ละประเภทของสิ่งปนเปื้อนแยกกันเป็นตาราง แต่เพื่อความสะดวกในการใช้งาน เราได้รวมทั้ง 3 ชนิดไว้ในตารางเดียวกันแล้ว ดังนี้
การระบุความบริสุทธิ์ของอากาศตามมาตรฐาน
ISO8573-1:2010
ในการระบุความบริสุทธิ์ของอากาศที่ต้องการ จำเป็นต้องอ้างอิงมาตรฐานที่ใช้เสมอ ตามด้วยระดับความบริสุทธิ์ที่เลือก สำหรับสิ่งปนเปื้อนแต่ละประเภท (สามารถเลือกระดับความบริสุทธิ์ที่ต่างกันสำหรับแต่ละประเภทได้หากจำเป็น)
ตัวอย่างการเขียนสเปกคุณภาพลมอัด มีดังนี้ :
ISO8573-1:2010 Class 1:2:1
ในลมอัดหนึ่งลูกบาศก์เมตร ปริมาณอนุภาคไม่ควรเกิน 20,000 อนุภาค ในขนาด 0.1-0.5 ไมครอน และไม่ควรเกิน 400 อนุภาค ในขนาด 0.5-1 ไมครอน รวมถึงไม่ควรเกิน 10 อนุภาค ในขนาด 1-5 ไมครอน
Class 1 อนุภาค
ในลมอัดหนึ่งลูกบาศก์เมตร ปริมาณอนุภาคไม่ควรเกิน 20,000 อนุภาค ในขนาด 0.1-0.5 ไมครอน และไม่ควรเกิน 400 อนุภาค ในขนาด 0.5-1 ไมครอน รวมถึงไม่ควรเกิน 10 อนุภาค ในขนาด 1-5 ไมครอน
Class 2 น้ำ
จุดน้ำค้างความดัน (Pressure Dew Point, PDP) ต้องอยู่ที่ -40°C หรือน้อยกว่า และไม่อนุญาตให้มีน้ำในรูปของเหลวเจือปน
Class 1 น้ำมัน
ในลมอัดหนึ่งลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำมันไม่ควรเกิน 0.01 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณรวมของน้ำมันเหลว ละอองน้ำมัน และไอน้ำมัน
ISO8573-1:2010 Class 0
- Class 0 ไม่ได้หมายความว่า ปราศจากสิ่งปนเปื้อนโดยสิ้นเชิง
- Class 0 ไม่ได้หมายความว่า เป็นลมอัดไร้น้ำมัน
- Class 0 ไม่สามารถรับประกันว่า ลมอัดที่ได้จะปราศจากน้ำมัน
- Class 0 ไม่ได้หมายถึง การปนเปื้อนของน้ำมันเพียงอย่างเดียว
- ค่าความบริสุทธิ์ตามมาตรฐาน Class 0 จะต้องเข้มงวดกว่าค่าความบริสุทธิ์ตามมาตรฐาน Class 1 สำหรับสิ่งปนเปื้อนที่เลือก
- ระดับสิ่งปนเปื้อนที่ระบุไว้สำหรับ Class 0 จะต้องสามารถวัดได้จริง ด้วยเครื่องมือ และวิธีตรวจวัดคุณภาพลมอัด ที่มีอยู่
- การระบุค่าความบริสุทธิ์ตาม Class 0 จะต้องระบุให้ชัดเจนว่า หมายถึงสิ่งปนเปื้อนประเภทใด เช่น “อนุภาคแข็ง” “น้ำ” หรือ “น้ำมันรวม”
- Class 0 กำหนดให้ผู้ใช้หรือผู้จำหน่ายอุปกรณ์ ต้องแสดงระดับสิ่งปนเปื้อนไว้ในสเปกที่เป็นลายลักษณ์อักษร
- สเปก Class 0 ที่ตกลงกันไว้จะต้องเขียนไว้ในเอกสารทุกฉบับ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน
- การอ้างถึง Class 0 โดยไม่มีรายละเอียดของสิ่งปนเปื้อนที่เกี่ยวข้อง ถือว่าไม่มีความหมาย และไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
การเลือกใช้เครื่องมือกรองอากาศ Parker เพื่อให้ตรงตามมาตรฐานคุณภาพอากาศ ISO8573-1:2010
แนวทางง่าย ๆ สำหรับการเลือกใช้เครื่องมือกรองอากาศ
- ระบบกรองอากาศถูกติดตั้งเพื่อปรับปรุงคุณภาพลมอัด ดังนั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ต้องระบุคุณภาพของลมอัดที่ต้องการอย่างชัดเจน ณ จุดออกจากห้องคอมเพรสเซอร์ และสำหรับแต่ละจุดใช้งานในระบบลมอัด
- คุณภาพลมอัดที่ต้องการ ณ จุดใช้งานแต่ละจุดนั้นอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน
- การจำแนกประเภทคุณภาพตามมาตรฐาน ISO8573-1 จะช่วยให้สามารถเลือกใช้เครื่องมือกรองอากาศได้ง่าย
- ISO8573-1:2010 เป็นมาตรฐานฉบับล่าสุด อย่างไรก็ตามบางโรงงานยังคงใช้อ้างอิงมาตรฐานรุ่นก่อนหน้าอยู่
- การระบุคุณภาพอากาศว่าเป็น ISO8573-1, ISO8573-1:1991 หรือ ISO8573-1:2001 หมายถึงการอ้างอิงมาตรฐานรุ่นก่อนหน้า ซึ่งอาจส่งผลให้คุณภาพของลมอัดที่ได้แตกต่างกัน
- เพื่อการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง ควรระบุรายละเอียดการจำแนกประเภทความบริสุทธิ์ของอากาศตาม ISO8573-1 ให้ครบถ้วน รวมถึงใส่ปีที่ปรับปรุงมาตรฐานด้วย
- หมายเหตุ: ระบบคอมเพรสเซอร์แบบไร้น้ำมัน ก็ยังคงต้องการการกรองเช่นเดียวกับระบบคอมเพรสเซอร์แบบใช้น้ำมันหล่อลื่น
ทำไมอัตราการไหลสูงสุดถึงมีความสำคัญ ?
- การกรอง : เมื่ออัตราการไหลของลมอัดเพิ่มขึ้น ปริมาณของสิ่งปนเปื้อนก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น จำเป็นต้องใช้พื้นที่ผิวกรองที่กว้างขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการกรองที่ดี ลดความต่างของแรงดัน และยืดอายุการใช้งานไส้กรองให้ยาวนานถึง 12 เดือน
- เครื่องเป่าลม : เมื่ออัตราการไหลของลมอัดเพิ่มขึ้น ปริมาณไอน้ำที่เครื่องเป่าลมต้องกำจัดก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
- เครื่องดูดความชื้นแบบดูดซึม จำเป็นต้องเลือกเครื่องเป่าลมที่มีขนาดเหมาะสมกับอัตราการไหลสูงสุด เพื่อให้ชั้นสารดูดซึมมีความจุเพียงพอ ซึ่งจะส่งผลต่อระยะเวลาสัมผัสที่เหมาะสม และจุดน้ำค้างที่ต้องการ
- เครื่องเป่าลมแบบไหลเวียนความเย็น จำเป็นต้องเลือกเครื่องเป่าลมที่มีขนาดเหมาะสมกับอัตราการไหลสูงสุด เพื่อให้เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนมีขนาดใหญ่พอ และมีกำลังระบายความร้อนเพียงพอ
ทำไมแรงดันทางเข้าต่ำสุดถึงมีความสำคัญ ?
- การกรอง : เมื่ออัตราการไหลของอากาศอัดเพิ่มขึ้น ปริมาณของสิ่งปนเปื้อนก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีพื้นที่ผิวของไส้กรองที่มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าประสิทธิภาพในการกรองยังคงเพียงพอ อีกทั้งแรงดันทางเข้าต่ำสุดยังช่วยลดความต่างของความดัน ส่งผลให้อายุการใช้งานไส้กรองยาวนานถึง 12 เดือน
- เครื่องเป่าลม : เมื่อความดันลดลง ปริมาตรของอากาศอัดจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณไอน้ำในอากาศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้เครื่องเป่าลมต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อกำจัดไอน้ำเหล่านั้น ดังนั้น จึงควรเลือกขนาดเครื่องเป่าลมให้เหมาะสมกับแรงดันทางเข้าต่ำสุด จะช่วยให้เครื่องเป่าลมสามารถรองรับปริมาณไอน้ำที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมอุณหภูมิทางเข้าสูงสุดถึงมีความสำคัญ ?
- เครื่องเป่าลม : เมื่ออุณหภูมิของอากาศอัดเพิ่มขึ้น ปริมาณไอน้ำในอากาศจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้เครื่องเป่าลมต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อกำจัดไอน้ำเหล่านั้น ดังนั้น การเลือกเครื่องเป่าลม จึงจำเป็นต้องมีขนาดให้เหมาะสมกับอุณหภูมิทางเข้าสูงสุด เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณไอน้ำที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมอุณหภูมิแวดล้อมสูงสุดถึงมีความสำคัญ ?
- เครื่องเป่าลมแบบระบายความร้อนด้วยอากาศและเทคโนโลยี Tandem เป็นเครื่องเป่าลมที่ใช้อากาศแวดล้อม ในการแลกเปลี่ยนความร้อน
- ยิ่งอุณหภูมิอากาศแวดล้อมต่ำเท่าไร กระบวนการแลกเปลี่ยนความร้อนก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
- การระบายอากาศที่ไม่ดีและ/หรืออุณหภูมิอากาศแวดล้อมที่สูง จะส่งผลให้จุดน้ำค้างลดลง
ทำไมควรเลือกเครื่องเป่าลมให้เหมาะสมกับจุดน้ำค้าง ?
- เครื่องเป่าลมแบบดูดซึม : จุดน้ำค้าง ขึ้นอยู่กับระยะเวลาสัมผัส ระหว่างอากาศกับสารดูดซึม การต้องการจุดน้ำค้างที่ต่ำกว่าปกติ โดยทั่วไปจำเป็นต้องลดประสิทธิภาพของเครื่องเป่าลม เพื่อให้มีระยะเวลาสัมผัสที่นานขึ้น
- เครื่องเป่าลมแบบระบายความเย็น : ขนาดของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการระบายความร้อน เครื่องที่มีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ได้จุดน้ำค้างที่ไม่ดี
คำถามที่พบบ่อย : อุณหภูมิสูงหรืออุณหภูมิต่ำ
- อุณหภูมิสูง : อุณหภูมิสูงสุด ณ จุดทางเข้า และอากาศแวดล้อมสำหรับเครื่องเป่าลมอยู่ที่ 50 องศาเซลเซียส หรือ 122 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งหากต้องการอุณหภูมิที่สูงกว่านี้ การติดตั้งอินเตอร์คูลเลอร์ จะคุ้มค่ากว่าการใช้เครื่องเป่าลมขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เมื่อขนาดของเครื่องเป่าลมเพิ่มขึ้น ปริมาณลมที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูสภาพเครื่องเป่าลมก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้การติดตั้งอินเตอร์คูลเลอร์ ยังคุ้มค่ากว่าในแง่ของการใช้พลังงานอีกด้วย
- อุณหภูมิต่ำ : น้ำที่แข็งตัวจะส่งผลเสียหายต่อเครื่องเป่าลม ดังนั้น เมื่ออุณหภูมิใกล้เคียงกับจุดเยือกแข็ง เครื่องเป่าลมและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ จะต้องได้รับการป้องกัน อีกทั้งอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์ ยังส่งผลต่อการทำงานของซีลและระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน
- ควรเก็บรักษาอุปกรณ์กรองไว้ในที่ร่ม และหลีกเลี่ยงลมหนาว หรือลมกระโชกโดยตรง
- ควรติดตั้งระบบไล่น้ำและฉนวน ในทุกจุดที่มีความชื้นอยู่ เช่น กรองทางเข้า, ท่อระบายน้ำ, วาล์วทางเข้า, คอลัมน์ และวาล์วไอเสีย
ด้วยความภาคภูมิใจของบริษัท Domnick (Thailand) Co., Ltd. ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านการบำรุงรักษา ออกแบบ และติดตั้งระบบบำบัดอากาศอัดในทุกกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงของลูกค้า ลดการใช้พลังงาน และประหยัดต้นทุน
บริษัทฯ พร้อมให้คำแนะนำและบริการให้คำปรึกษาด้านการบำรุงรักษา ออกแบบ และติดตั้งระบบบำบัดอากาศอัด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกฟังก์ชันการใช้งาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการอากาศอัดคุณภาพสูง เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ เป็นต้น